สัญญาณการท่องเที่ยวในเมืองไทยได้เริ่มต้นขึ้นจากลมหนาวปลายเดือนตุลาคม 2565 หลังจากเราได้ผ่านฤดูฝนที่หนักหน่วงกันมาตลอดทั้งเดือนถึงคราวออกเดินทางกันสักที หลายคนต้องเดินทางไปทำงานติดต่อธุรกิจ บ้างก็เลือกกางเต็นท์ผจญภัยและดื่มด่ำกับธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติ หรือลานกางเต็นท์เอกชน บ้างเดินทางท่องเที่ยวเลือกพักโรงแรม และรีสอร์ทกับบรรยากาศปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ ก่อนที่จะเริ่มจองห้องพักเรามาทำความรู้จักกับประเภทของห้องพักกันสักหน่อยดีกว่าจะได้เลือกจองห้องพักที่ตรงตามความต้องการในการเดินทางของคุณ
ห้องสแตนดาร์ด (Standard room)
ห้องพักระดับเริ่มต้น มีลักษณะเป็นห้องพักแบบมาตรฐานทั่วไป มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น อาทิ เตียง, ทีวี ,ตู้เสื้อผ้า, และ ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น ขนาดห้อง และราคาจะเล็กที่สุดในโรงแรมนั้นๆ เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการความเรียบง่าย
ห้องซูพีเรีย (Superior room)
ห้องพักที่มีขนาดใหญ่กว่าห้องสแตนดาร์ดเล็กน้อย หรือมีเฟอร์นิเจอร์ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่พิเศษกว่าห้องสแตนดาร์ด วิวจะสวยกว่าแบบสแตนดาร์ด บางโรงแรมก็เริ่มต้นระดับห้องพักที่แบบซูพีเรีย
ห้องดีลักซ์ (Deluxe room)
ห้องพักที่มีความสะดวกสบายหรูหรา มีเตียงและขนาดห้องที่ใหญ่กว่าห้องซูพีเรีย เฟอร์นิเจอร์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันวิวทิวทัศน์ดีกว่าห้องซูพีเรีย
ห้องคอนเนคติ้ง (Connecting room)
ที่พักบางที่เรียกห้องนี้อีกชื่อว่า ห้องแฟมิลี่ (Family room) ห้องพักยอดนิยมสำหรับครอบครัวที่เดินทางพร้อมเด็กๆ หรือกลุ่มเพื่อน ที่มองหาห้องพักขนาดกว้างพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถเปิดประตูเพื่อเชื่อมต่อถึงกันได้ ประกอบด้วย 2 ห้องนอน ซึ่งแต่ละห้องมีห้องน้ำในตัว และระเบียงส่วนตัว ทำให้ไม่พลาดทุกกิจกรรม
ห้องสวีท (Suite room)
จัดว่าเป็นห้องพักที่มีขนาดที่กว้างขวาง หรูหรา สะดวกสบายมากที่สุด มีเฟอร์นิเจอร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันมากกว่าห้องอื่นๆ มีการแบ่งสัดส่วนของห้องพัก อาทิ โซนสำหรับนั่งเล่น ทำงาน หรือโซนรับประทานอาหาร วิวของห้องนี้บอกเลยว่าดีที่สุดของโรงแรม สำหรับราคาจึงสูงกว่าห้องอื่นๆ เหมาะสำหรับคู่รัก หรือผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายแบบ Exclusive
เราทำความรู้จักกันกับห้องพักต่างๆ กันไปแล้ว ส่วนรายละเอียดของห้องพักนั้น อาจมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับรูปแบบ และคอนเซ็ปต์ ของที่พักนั้นๆ ควรสอบถาม หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนการจองห้องพักทุกครั้งให้แน่ใจว่าห้องที่จองเป็นไปตามความต้องการของเราหรือไม่
นอกจากห้องพักแล้ว รูปแบบของเตียงนอน ยังมีรายละเอียด และความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เรามาทำความรู้จักประเภทของเตียงนอนดีกว่า
เตียงแบบซิงเกิล (Single bed)
ลักษณะเป็นเตียงเดี่ยวมีขนาดประมาณ 3.5 x 6.5 ฟุต หรือ 4 x 6.5 ฟุต เป็นเตียงสำหรับนอนเพียงคนเดียว โรงแรมบางแห่งมักจะเรียกห้องที่มีเตียงประเภทนี้ว่า Single room ด้วย แต่ปัจจุบันเตียงขนาด 3.5 x 6.5 ฟุต เริ่มหายากแล้ว ส่วนใหญ่จะจัดให้เป็นเตียงขนาด 5 x 6.5 ฟุต แทน
เตียงแบบดับเบิล (Double bed)
ลักษณะเป็นเตียงเดี่ยวมีขนาดประมาณ 6 x 6.5 ฟุต หรือ 7 x 6.5 ฟุต เป็นเตียงสำหรับนอนสองคน เหมาะสำหรับคู่รัก หรือเพื่อนสนิทที่สามารถนอนร่วมเตียงกันได้ เตียงประเภทนี้ส่วนใหญ่จะมีผ้าห่มเพียง 1 ผืน กรณีต้องการแยกผ้าห่ม หรือขอผ้าห่มเพิ่ม สามารถแจ้งกับที่พักเพิ่มเติมได้
เตียงแบบทวิน (Twin bed)
ลักษณะเป็นเตียงคู่ ในห้องพักจะมีเตียงอยู่ 2 เตียง ตั้งแยกอิสระออกจากกัน เตียงนี้เหมาะสำหรับเพื่อน พี่น้อง หรือ ผู้ร่วมเดินทางที่เข้าพักร่วมห้องกัน และส่วนใหญ่บริษัททัวร์มักจะบริการเตียงแบบนี้
เตียงแบบทริปเปิล (Triple Bed)
ลักษณะของห้องพักจะประกอบไปด้วย เตียงขนาดใหญ่ 1 เตียง และเตียงขนาดเล็ก 1 เตียง เหมาะสำหรับครอบครัวพักร่วมกันไม่เกิน 3 ท่าน หรือเพื่อน พี่น้อง เดินทางแบบร่วมทริปกัน ไม่เกิน 3 ท่าน
เตียงแบบเอ็กซ์ตร้า (Extra Bed)
ลักษณะเป็นเตียงเสริม มีขนาดเล็กสามารถเคลื่อนย้ายหรือพับเก็บได้ง่าย เอ็กซ์ตร้าเบด (Extra Bed) 1 ชุด จะประกอบไปด้วย ที่นอน หมอน ผ้าห่ม เจ้าหน้าที่จะเสริมเตียงนี้เข้าไปในห้องพัก ทั้งนี้ผู้เข้าพักควรแจ้งถึงความต้องการ เอ็กซ์ตร้าเบด (Extra Bed) กับทางที่พักล่วงหน้าเพราะ
ในช่วงเทศกาลห้องพัก และเตียงเสริมมีจำนวนจำกัด
ทำความรู้จักกับประเภทของห้องพัก และลักษณะของเตียงแต่ล่ะชนิดกันแล้ว คงเป็นประโยชน์กับเหล่านักเดินทางไม่มากก็น้อย หากคุณกำลังมองหาการเดินทางเพื่อทำงาน, ติดต่อธุรกิจ หรือจัดทริปองค์กร ‘แอสเซนด์ แทรเวิล แพลตฟอร์มการเดินทางภาคธุรกิจ (Ascend Travel Business Travel Platform)’ รวบรวมไว้ให้คุณในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่พักทั้งในประเทศ และต่างประเทศกว่า 2,000,000 แห่ง ทั่วโลก, บริการรถเช่า และการจองตั๋วเครื่องบิน พิเศษ!! โปรโมชั่นส่วนลดที่พัก และแคมเปญอีกเพียบ คลิกเลย! https://www.b2c.ascendtravel.com/th